โครงกระดูก

การทำโครงกระดูกสัตว์โดยวิธีการต้ม
                    การทำโครงกระดูกโดยการต้มเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับการต้องการโครงกระดูกมาใช้    รวดเร็วใช้เวลาในการทำเร็วที่สุดคือประมาณ 1 สัปดาห ทั้งนี้ขึ้นกับขนา์ดของสัตว์ และจำนวนคนที่ทำ
สิ่งที่ต้องพึงระวังจากการต้มคือ กลิ่น และ เศษเนื้อต่างๆ ดังนั้นนักศึกษาต้องหาทำเลที่เหมาะสมคือ ห่างไกลจากแหล่งชุมชน รวมทั้งควรมีแหล่งน้ำใกล้ๆเพื่อความสะดวกในการล้าง รวมทั้งเป็นที่ที่มีสามารถกำจัดเศษเนื้อต่างๆ ที่เกิดจากการทำได้

อุปกรณ์
1. เครื่องมือที่ใช้ในการชำแหละเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น มีด หรือ กรรไกร ชนาดต่างๆ
2. แปรงสำหรับใช้ขัดโครงกระดูกภายหลังจากการต้ม
3. หม้อสำหรับใช้ในการต้ม ทั้งนี้ขนาดขึ้นกับ ขนาดของสัตว์
4. เตา
5. ลวดสำหรับใช้ในการมัดโครงกระดูกก่อนต้ม พร้อมอุปกรณ์ในการตัด
6. ผ้าขาวบาง ใช้ในการห่อกระดูกบางส่วนก่อน ต้ม
7. ผงซักฝอก
8. Hydrogen peroxide (30 % - 100 %)

การ แยกชิ้นส่วน
1. เพื่อความสะดวกในการเลาะเนื้อเยื้อ จำเป็นต้องทำการแยกซากสัตว์ออกเป็นช่วนต่างๆ โดนในส่วนระยางค์ขาหน้า ให้นักศึกษาตัด กล้ามเนื้อที่ยึดระหว่าง Scapula กับลำตัวออก ส่วนระยางค์ขาหลัง ให้ตัดกล้ามเนื้อที่หุ้มรอบ Hip joint ออก จากนั้นให้ทำการเลาะเอาเนื้อออกให้มากที่สุด

2. ส่วนของกระดูกที่เป็นกระดูกอ่อน (Cartilage) ทั้งหมดอันได้แก่ Hyoid appratus, Sternum และ Patella นั้น ไม่สามารถน้ำไปต้มรวมกับโครงกระดูกได้ ให้นักศึกษาแยกออก เลาะเนื้อให้มากที่สุด จากนั้นให้นำไปแช่ในน้ำยา ฟอร์มาลีน (10 %) การตัดเอาส่วน Sternum ออกจากกระดูกซี่โครงนั้น ให้นักศึกษาตัดตรงตำแหน่งต่อกันของ sternum และ rib (costochondrol junction)

3. ในการเลาะเนื้อส่วนขานั้น นักศึกษาต้องสังเกตตำแหน่งต่างๆ ของกระดูกเพื่อป้องกันความสับสนระหว่างกระดูกส่วนต่างๆ โดยเฉพาะตรง carpus, metacarpus, tasus, metatasus และ phalanges ในกรณีที่นักศึกษาต้องต่อโครงกระดูกกลับมาอยู่ในสภาพเิดิม

4. เมื่อทำการเลาะเอาเนื้อออกได้ตามต้องการแล้วให้ใช้ผ้าขาวบาง ห่อชิ้นส่วนต่างๆ แยกกันดังนี้ ระยางค์ขาทั้งสี่ ให้ทำการห่อแยก และทำเครื่องหมายเพื่อป้องกันความสับสน ส่วนกระโหลกศรีษะให้ตัดออกจากส่วนกระสูกสันหลังตรงตำแหน่ง Chondrooccipital joint จากนนั้นให้ใช้ลวดขนาดที่เหมาะสม สอดเข้าทาง spinal canal แทนส่วน spinal colum เพื่อป้องกันการหาย หรือ สลับตำแหน่งของกระดูกสันหลัง
4. ใช้ลวดพันกระดูกซี่โครง เพื่อป้องกันการหาย และสลับตำแหน่งเช่นกัน

การต้ม

1.การต้มโครงกระดูกเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เนื่องจากซากสัตว์ที่นำมาใช้นั้นมีผลต่อการต้ม ในกรณีที่เป็น
ซากสัตว์ที่เสียชีวิตมาไม่นาน การต้มนั้นทำได้ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับซากสัตว์ที่ตายมานานและผ่านการฝังดินมาแล้ว

2. โดยปกติ การต้มจะทำประมาณสองถึงสามครั้ง ทั้งนี้ขึ้นกับ ที่มาของซากสัตว์ ดังที่กล่าวไป ปริมาณเนื้อที่เหลือติดกับโครงกระดูก รวมทั้งชนิดสัตว์ เช่น ในการต้มโครงกระดูกสุนัข อาจต้องทำ สามครั้ง ในขณะที่การต้มโครงกระดูก งู นักศึกษาอาจต้มได้เพียงครั้งเดียว

3. ในการต้มนั้น ระดับน้ำที่ใช้ให้พอแค่ ท่วมชิ้นส่วนต่างๆ นอกจากนั้นควรใส่ผงซักฟอกลงไปพอประมาณ (10 - 20 %) เพื่อช่วยในการกำจัดไขมันจากโครงกระดูก บางครั้งอาจใส่ ดินประสิวบดลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยในการย่อยเนื้อได้ดีขึ้น ระยะเวลาที่ใช้ในการต้มนั้นไม่แน่นอน นักศึกษาต้องหมั่นเอาโครงกระดูกขึ้นมาดูว่าเศษเนื้อที่ติดอยู่นั้นหลุดหรือยัง

4. เมื่อเห็นว่าเนื้อที่ติดตามโครงกระดูกเปื่อยดีแล้ว ให้ใช้แปรงขนาดต่างๆ ในการขัดเพื่อเอาเศษเนื้อออก จากนั้นทำการล้างให้สะอาด หากยังมีเศษเนื้อที่ติดอยู่กับโครงกระดูก ก็ให้พิจารณาต้ม ครั้งต่อไป จนสามารถเอาเศษเนื้อทั้งหมดที่ติดอยู่กับโครงกระดูกออกได้หมด

การทำกระดูกให้มีสีขาว

การทำให้กระดูกขาวภายหลังจากการต้มนั้นนับว่ามีความสำคัญเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่ากระดูกทั้งหมดจะสามารถทำให้ขาวได้เหมือนกัน หากนักศึกษาสังเกตในห้องพิพิธภํณฑ์จะเห็นว่า โครงกระดูกแต่ละโครงนั้นมีความขาวไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ปัจจัยอันหนึ่งที่สำคัญที่ส่งผลต่อความขาวของโครงกระดูกคือ ความสด หรือ ความใหม่ของโครงกระดูก โครงกระดูกที่ได้จากซากสัตว์ที่ตายใหม่สามาถทำให้ขาวได้ง่าย ในขณะที่โครงกระดูกที่ได้จากซากสัตว์ที่ตายมานานแล้ว และฝากการฝังมาแล้ว รวมทั้งโครงกระดูกที่ทำจากสัตว์ที่ผ่านการดองในน้ำยาดอง จะทำให้ขาวได้ยาก อย่างไรก็ดี ภายหลังจากการต้มแล้ว โครงกระดูกควรผ่านขั้นตอนการทำให้ขาว เพื่อความ สะอาด และสวยงาม
การทำให้โครงกระดูกขาวทำได้โดยการแช่โครงกระดูกใน 30 %-50 %Hydrogen peroxide (ควรใช้ถังพลาสติกในการแช่) โดยระยะเวลาในการแช่ 12 - 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้ตากแดดให้แห้ง











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น